Cannabidiol หรือที่รู้จักกันในชื่อ CBD คือสารที่พบได้บ่อยในพืชกัญชา สารชนิดนี้อยู่ภายใต้สารกลุ่มแคนนาบินอยด์ แต่ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเหมือนกับ THC (tetrahydrocannabinol)
ด้วยลักษณะของ CBD ที่ไม่ทำให้มึนเมาและไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้ผู้คนสามารถรับสรรพคุณดีๆ ของกัญชาได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการมึนเมาหรือเสพติด ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญใช้เวลามากมายในการทำความเข้าใจกับสรรพคุณทางสุขภาพของน้ำมันและสารสกัด CBD ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยค่อนข้างหน้าสนใจเลยทีเดียว ทำให้มีคนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น
ที่ SEYA เราร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ CBD ชั้นนำเพื่อเพิ่มสรรพคุณให้เหนือชั้นขึ้นไปอีก
ที่ด้านล่างนี้คือปัจจัยสำคัญที่น้ำมัน Cannabidiol สามารถช่วยคุณได้
1. มีโอกาสช่วยลดอาการปวด
หนึ่งในการใช้กัญชาที่พบบ่อยคือการใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง สมัยก่อนผู้คนเลือกใช้กัญชาเพื่อบรรเทาความไม่สบายกายหลังจากที่ออกกำลังหายหนักหรือได้รับการบาดเจ็บ แม้แต่ในปัจจุบันเอง ผู้คนนับล้านทั่วโลกก็ใช้น้ำมัน CBD เพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถช่วยเรื่องกายภาพบำบัดและการฟื้นฟู บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ และฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติหลังจากมีการใช้แรงงานมาอย่างหนัก
CBD จะมีปฏิสัมพันธ์กับร่างกายของคุณผ่านทางระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ (ECS) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาสภาวะโฮมีโอสเตซิส ช่วยควบคุมกระบวนการที่สำคัญหลายอย่างของร่างกาย เช่น ความเจ็บปวด การอักเสบ ความอยากอาหาร การนอนหลับ การสืบพันธุ์ ความทรงจำ อารมณ์ และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน
ถ้าให้อธิบายอย่างละเอียด Cannabidiol จะมีปฏิสัมพันธ์กับตัวรับในระบบ ECS ที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย การมีปฏิสัมพันธ์ครั้งนี้ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและเจ็บปวดน้อยลง ซึ่งเป็นสรรพคุณที่เราคงเคยได้ยินกันมาหมดแล้ว
คุณสมบัติในการต้านอักเสบและต้านอนุมูลอิสระของ CBD ช่วยลดการปวดประสาท การอักเสบ การปวดหลัง การปวดมือ การปวดจากมะเร็ง การปวดจากโรคข้ออักเสบ และอื่นๆ เมื่อใช้ร่วมกับสาร THC สามารถ กระตุ้นให้เกิดผลในการแก้ปวดที่รุนแรงได้ เช่น Sativex คือยากัญชาที่ผ่านการอนุมัติในอเมริกา เป็นยาที่ประกอบด้วยสาร THC และ CBD ในอัตราส่วนที่เท่ากัน ใช้เพื่อรักษาความเจ็บปวดที่เกิดจากโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
การใช้ CBD เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดสามารถใช้ได้ทั้งแบบทาในบริเวณที่ปวด หรือจะใช้ทิงเจอร์/น้ำมันเพื่อบริโภคทางปากก็ได้เช่นกัน
2. ช่วยปรับปรุงสุขภาพจิต
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า CBD สามารถช่วยปรับปรุงอาการความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า โรคจิตเภท ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง อัลไซเมอร์ และโรคทางจิตอื่นๆ
จริงๆ แล้ววิธีการรักษาแบบนี้ยังสามารถใช้แทน benzodiazepines และยารักษาโรคอื่นๆ ที่ใช้เพื่อรักษาความปกติทางจิตได้ เนื่องจากยาเหล่านี้มีโอกาสทำให้เสพติดได้และมีผลข้างเคียงในระยะยาว
เนื่องจาก CBD มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าโดยที่ไม่ทำให้เสพติดเลย ใครหลายคนจึงชอบในจุดนี้เพราะพวกเขาสามารถมีชีวิตที่สงบสุขและราบรื่นได้โดยเครียดวิตกกังวลน้อยลง
3. ช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง
ผู้สนับสนุนการใช้กัญชามักจะพูดเสมอว่า CBD สามารถเป็นสารที่ใช้ต้านมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลักษณะของ CBD ก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามแนวคิดนี้ แม้ว่ากลไกการออกฤทธิ์ของน้ำมัน CBD อาจเป็นประโยชน์ในการต่อสู้กับมะเร็ง แต่ในตอนนี้ก็ยังอยู่ระหว่างในการศึกษาเพิ่มเติม ข้อมูลเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า CBD สามารถป้องกัน ชะลอ และหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ และในบางเคสอาจกระตุ้นให้เซลล์ที่อันตรายตายได้
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดต่างๆ เช่น ปริมาณการใช้ยา ผลข้างเคียง และปฏิสัมพันธ์ของ CBD กับมะเร็งบางประเภทยังคงอยู่ระหว่างการศึกษา
นอกจากนี้ CBD ยังเป็นตัวเลือกเสริมในการรักษามะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสารตัวนี้ช่วยลดความเจ็บปวด การคลื่นไส้อาเจียน พร้อมกับกระตุ้นความอยากอาหาร ตัว CBD เองอาจไม่ได้ก่อให้เกิดอะไรมากนัก แต่เมื่อใช้ร่วมกับกระบวนการรักษาอาจช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาได้
Dronabinol, Nabilone และ Nabiximols คือยากัญชาที่ผ่านการอนุมัติแล้ว โดยยาเหล่านี้ถูกใช้เพื่อรักษาอาการปวดจากมะเร็ง พร้อมกับบรรเทาอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยที่ทำคีโม
4. CBD สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับได้
คุณสามารถรักษาการนอนไม่พอหรือนอนไม่หลับได้จากการใช้งานน้ำมัน CBD อย่างต่อเนื่อง โดย CBD จะบรรเทาความผิดปกติทางสุขภาพจิตและความเจ็บปวด ส่งผลให้เรามีร่างกายและจิตใจที่มั่นคงขึ้น มีคนในประเทศไทยมากมายที่ใช้ทิงเจอร์ CBD เพื่อรักษาการนอนไม่หลับ
งานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่าง CBD และการนอนหลับยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แม้ว่าผู้คนจะพบว่าเมื่อใช้ CBD แล้วนอนหลับได้ดีขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าสาร CBD ส่งผลโดยตรงต่อการนอนหลับ หรือเป็นผลมาจากความสามารถในการบรรเทาความเจ็บปวดและทำให้ผ่อนคลาย
ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า CBD สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้และเหมาะสำหรับการใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อการนอนหลับ
5. CBD ช่วยรักษาอาการชักได้
CBD สามารถช่วยเรื่องความผิดปกติในระบบประสาทได้จากคุณสมบัติในการป้องกันประสาทที่แข็งแกร่ง ผู้ป่วยที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคฮันติงตัน หรือโรคพาร์กินสันอาจเห็นได้ถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อใช้น้ำมน CBD เป็นประจำ อย่างไรก็ตามเรายังต้องการข้อมูลที่มีคุณภาพสูงเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มเติม
สำหรับการรักษาอาการชัก ตัวยาที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) จะมากำหนดเทรนด์ใหม่ โดยยา CBD ที่ว่านี้มีชื่อว่า Epilodex ซึ่งสามารถใช้เพื่อรักษาโรคลมชักที่รุนแรงหาได้ยาก กลุ่มอาการเลนนอกซ์-แกสโทท์ และกลุ่มอาการดราเว็ต ในปี 2563 ยาตัวนี้ยังได้รับการอนุมัติให้สามารถรักษาอาการชักที่เกิดจากโรคทูเบอรัส สเคลอโรซิสอีกด้วย
นอกจากนี้ น้ำมัน CBD ยังสามารถช่วยในเรื่อง:
- การเสพติด: มีข้อมูลสนับสนุนมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า CBD ใช้เป็นตัวแทรกเแซงพฤติกรรมการเสพติดได้ สาร CBD สามารถช่วยแก้ปัญหาการติดแอลกอฮอล์ กัญชา ฝิ่น ยาสูบ และยาในกลุ่มออกฤทธิ์กระตุ้นอื่นๆ
- ประจำเดือน: ผู้หญิงเองก็สามารถได้ประโยชน์จากน้ำมัน CBD จากการใช้ในช่วงเวลานั้นของเดือน เนื่องจาก CBD ช่วยลดอาการอักเสบ การเจ็บปวด และการปวดเรื้อรัง ทำให้เชื่อกันว่า CBD สามารถช่วยบรรเทาเรื่องการปวดประจำเดือนและ PMS ได้
- สุขภาพโดยรวม: CBD มีคุณสมบัติในการรักษาที่กว้างขวาง และการใช้ CBD จะช่วยเสริมระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ในร่างกาย รวมถึงช่วยทำให้สุขภาพโดยรวมของเราดีขึ้น
ผลข้างเคียงของ CBD
แม้ว่า CBD จะเป็นสารที่ร่างกายรับไหวในทุกปริมาณยา แต่ก็มีผลข้างเคียงบางอย่างที่คุณควรรู้ ได้แก่:
- ท้องร่วง
- ความเหนื่อยล้า
- น้ำหนัก/ความอยากอาหารเปลี่ยน
- เซื่องซึม
- ปากแห้ง
โดยผลข้างเคียงส่วนใหญ่ไม่ได้ร้ายแรงและสามารถรักษาได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ CBD อาจมีปฏิสัมพันธ์กับตัวยาอื่นๆ เช่น ยาแก้ปวด ยาต้านเศร้า ฯลฯ นั่นเป็นเพราะ CBD ไปแย่งการเผาผลาญในตับ ส่งผลให้ความเข้มข้นของยาในร่างกายของคุณเปลี่ยนไป (เป็นไปทั้งเพิ่มขึ้นหรือลดลง) เหตุการณ์นี้อาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ หรือตัวยาอาจจไม่ได้ผลเลย
ดังนั้นหากคุณมียาที่ใช้อยู่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนใช้น้ำมัน CBD ร่วมด้วย
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อน้ำมัน CBD
น้ำมัน CBD คือวิธีรักษาแบบธรรมชาติที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพหลายอย่าง แต่ในตอนนี้ยังไม่มีการควบคุมอุตสาหกรรมอย่างเหมาะสม และอาจเป็นเรื่องยากที่จะหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สำหรับเรื่องนั้นเราได้เตรียมเช็คลิสต์สั้นๆ ที่ SEYA ให้คุณแล้ว วางใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้:
- น้ำมัน CBD ควรมีสาร THC ไม่เกิน 0.2% ต่อน้ำหนัก
- ต้องมาพร้อมกับใบรับรองผลการวิเคราะห์ (COA)
- ผ่านการทดสอบจากแล็บบุคคลที่สามในห้องทดสอบอิสระ
- แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวและคะแนนดี
- น้ำมัน CBD ต้องปราศจากสารเคมี ตัวทำละลาย และสารเติมแต่ง ควรมีความเป็นธรรมชาติ บริสุทธิ์ และออร์แกนิกมากที่สุด
หากคุณไม่มั่นใจว่าจะใช้น้ำมัน CBD เพื่อบรรเทา ความวิตกกังวล หรือความเครียด คุณอาจจะเริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อน ลองใช้ทิงเจอร์ Relax CBD ของเรา และเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะได้พบกับตัวเองคนใหม่ที่สดใสและสงบสุขกว่าเดิม